วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

ป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือ

ป้อมพระจุลจอมเกล้า มีหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย และการป้องกันพื้นที่ รวมทั้งการดำเนินงานเกี่ยวกับงานธุรการ การกำลังพล การยุทธการและข่าว การเงิน และกิจการพิเศษ ตลอดจนประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ และหน่วยที่เกี่ยวข้อง มีสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่และดูแล ดังนี้
- สะพานชมป่าชายเลน
- อุทยานประวัติศาสตร์
- เกาะผีเสื้อ
- พิพิธภัณฑ์ เรือหลวงแม่กลอง
- อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5
- ป้อมนาคราช
- ป้อมปืนเสือหมอบ
- ร้านอาหารท้ายเรือ
ป่าชายเลนป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้จัดสร้างสะพานชมป่าชายเลนขึ้นเมื่อ ๒๔ ธ.ค.๔๒ ซึ่งสะพานนี้สามารถใช้เดินชมนก ชมปู ปลาได้หลาย ๆ ชนิด ทั้งขณะที่ทะเลท่วมถึง และทั้งทะเลลดลง ตลอดจนได้พบภาพรากไม้ที่ยึดติดดินโผล่ขึ้นมาอย่างสวยงาม (ภาพหนังสือรอยอดีตที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า) สะพานแห่งนี้ทอดยาวไปในพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณริมเขื่อนกั้นน้ำเก่าแก่ รวมยาวประมาณ ๓๐๐ เมตร มีประชาชนเข้าเยี่ยมชมทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดราชการจะมีผู้ไปเยี่ยมชมมากพอสมควรอุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้าภายหลังจากที่มีการบูรณะป้อมพระจุล และก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้มีประชาชนและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมสถานที่ และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ เป็นจำนวนมาก กองทัพเรือดำเนินการพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และเร่งรัดซ่อมแซมปรับปรุงเสือหมอบ และจัดทำพื้นแสดงวิวัฒนาการของทหารเรือไทยในการป้องกันประเทศ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านภูมิสถาปัตย์และประวัติศาสตร์ ตลอดจนด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมหารือ เพื่อกำหนดแนวความคิดในการนำ อาวุธเก่าแก่มาตั้งแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ – อาวุธกลางแจ้ง บนพื้นที่ด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ โดยใช้ชื่อว่า "อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า"

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ช้างเอราวัณ

สถานที่: Erawan Museum
ที่ตั้ง: ถนนสุขุมวิท ขาเข้าจังหวัดสมุทรปราการ
เวลาทำการ: 8 นาฬิกา - 18 นาฬิกา
ค่าบัตรเข้าชม: ผู้ใหญ่ 150 บาท, เด็ก 50 บาท 50 บาท สำหรับค่าผ่านประตูโดยไม่เข้าชมภายในตัวพิพิธภัณฑ์
เลื่อนลงเพื่อดูอัลบั้มภาพและแผนที่ทางอากาศ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ ของบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ จำกัด ตำบลบางเมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ และความคิดของ คุณเล็ก วิริยะพันธ์ ผู้สร้างเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดง แผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก14-17ชั้นโดยประมาณ) อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน ลำตัวช้างหนัก 150 ตัน สูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตร และยาว 39 เมตร ตัวช้างออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพวาดสีฝุ่นรูปจักรวาล พระพุทธรูปปางลีลา บริเวณท้องช้างปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ส่วนล่างของตัวช้าง เป็นฐาน โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารศาลามีความสูง 14.60 เมตร กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในบนอาคาร ถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสาภายนอกและสี่เสาภายในอาคารศาลาการตกแต่งภายในเป็นการ ผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก, เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี, การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่าง ๆ อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร ส่วนชั้นใต้ดินที่เรียกว่า “ชั้นบาดาล” เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่าง ๆ และเครื่องลายครามของจีน ระเบียงรอบนอกตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มแปดซุ้ม รอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม้ในวรรณคดี และพันธุ์ไม้หายากจากทุกภูมิภาคของประเทศ มีงานประติมากรรมลอยตัวเรื่อง รามเกียรติ์ วางเรียงรายล้อมรอบอาคาร
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2371 3135-6 โทรสาร. 0 2380 0304

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางผึ้ง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวของตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของชาวบ้านร่วมกับผู้นำท้องถิ่น และ อบต.บางน้ำผึ้ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสนับสนุนให้ชาวบ้านมีรายได้จากการนำผลผลิตในท้องถิ่นของตนเองมาจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้้ และก่อให้เกิดการสร้างงานภายในชุมชน ส่งผลทำให้ชุมชนเข้มแข็งมากขึ้นจะมีเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เริ่มเปิดตลาดประมาณแปดโมงเช้าเป็นต้นไปจนถึงเย็น ๆ เป็นตลาดน้ำที่ใกล้กรุงเทพ ซึ่งคุณจะเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลองพ่อค้าแม่ค้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นตลาดน้ำเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่ง เพราะไม่ว่าใครได้มาเที่ยวที่ี่ตลาดน้ำบางผึ้ง นอกจากจะได้สัมผัสวิธีชีวิตริมน้ำของชาวพระประแดงแล้ว ก็ยังได้สัมผัสกับกิจกรรมทั้งในเรื่องของสุขภาพกาย และสุขภาพใจอีกด้วย เพราะว่าพ่อค้า แม่ค้า ที่นี่นอกจากจะเอาใจใส่เรื่องของคุณภาพของสินค้าแล้ว ก็ยัง

ไม่ลืมที่จะใส่ภูมิปัญญาไทยๆ อย่างอาทิ สมุนไพรลงไปในสินค้า เมื่อบวกกับมิตรจิต มิตรใจ โอมอ้อมอารีของคนในชุมชนตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ก็ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของตลาดน้ำแห่งนี้